ตอนที่ 21 – แม่ครับ? ผมคิดถึง
ในระยะแรก ๆ ที่ผมเพิ่งจะเริ่มก่อตั้งบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาขึ้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศไทย กำลังจะรุ่งเรืองมาก เป็นยุคที่ที่ดินมีราคาแพงมาก การหางานเข้าบริษัทฯ เป็นไปได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าใดนัก ถ้าบริษัทฯ พอจะมีเครดิตและชื่อเสียงอยู่บ้าง จะฟังได้ถ้าใช้ภาษาง่าย ๆ แต่สำหรับภาษาเขียนนั้น ผมจำมาได้เป็นบางคำ เช่น คำว่า “แม่” และผมก็ประทับใจกับคำ ๆ นี้มากจนจดจำมาได้ทุกวันนี้ ท่านก็ถามผมต่อไปว่า ทำไมผมถึงประทับใจกับคำ ๆ นี้นักผมก็บอกว่า?ความจริงก็ไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้งในภาษาจีนเท่าใดนัก แต่พอจะทราบมาว่า ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล มีภาษาพูดมากมายหลายภาษาประกอบด้วยชนกลุ่มน้อยมากมาย มีภาษาท้องถิ่นนับไม่ถ้วน ที่พิเศษคือพลเมืองทั้งหมดใช้ภาษาเขียนที่เหมือนกัน แต่อาจจะออกเสียงต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศจีนสามารถดำรงความเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไว้ได้ และถือเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมทางภาษาที่สำคัญมากที่สุดประเทศหนึ่ง สำหรับภาษาเขียนของจีนนั้น ไม่ว่าจะเขียนเป็นภาษาแต้จิ๋ว กวางตุ้ง ไหหลำ หรือ ฯลฯ ถ้าเขียนเป็นกลอนแล้ว จะคล้องจองกันทุกภาษา ส่วนอักษรที่เป็นภาพ เช่น นก ไก่ ปลา ม้า ต้นไม้ เรือฯลฯ คงจะเขียนไม่ยาก แต่อาจจะได้รับการพัฒนาให้ง่ายขึ้นจากรูปภาพเหล่านั้น ส่วนสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ความสุข ความอดทน ฯลฯ หรือแม้แต่คำว่า “แม่” บัณฑิตจีนต้องเอาคำมาผสมกันท่านถามผมว่า คำว่า “แม่” นั้น ผมวิเคราะห์ว่าอย่างไร ผมจึงเขียนคำว่า “แม่” ภาษาจีนลงบนกระดาษให้ท่านดู ดังนี้???และบอกว่า ตัวอักษรทางซ้ายมือ คือ ผู้หญิงส่วนตัวอักษรทางขวามือแปลว่า ม้า เมื่อเอามาผสมกัน ก็จะกลายเป็นคำใหม่ แผลว่า “แม่” หรือผู้หญิงที่ทำงานหนักเหมือนม้านั่นเองท่านฟังแล้วก็บอกว่า งั้น?ให้ผมรับงานไปทำได้เลย เพราะผมทำให้ท่านนึกถึงแม่ของท่าน ซึ่งขณะนั้นกำลังเจ็บออด ๆ แอด ๆ อยู่ที่บ้าน และท่านยังบอกผมอีกว่า ท่านโตจนอายุปูนนี้แล้วท่านยังไม่ได้สงเคราะห์อย่างจริง ๆ จัง ๆ สักที ว่าแล้วท่านก็ขอตัวบอกว่าจะกลับไปดูแลแม่ก่อน แล้ววันหลังให้นัดมาคุยกันใหม่ ผมก็เลยได้งานมาง่าย ๆ ก็เพราะเหตุนี้”แม่ครับ?ผมคิดถึงแม่? ขอบพระคุณครับแม่ !”